โมร็อกโก (Morocco) มีชื่อทางการคือ ราชอาณาจักรโมร็อกโก (Kingdom of Morocco) เป็นรัฐเดี่ยวและรัฐเอกราชที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคมาเกร็บในแอฟริกาเหนือ เป็นหนึ่งในถิ่นกำเนิดชนเบอร์เบอร์ ในทางภูมิศาสตร์โมร็อกโกมีเทือกเขาหินขรุขระตรงกลาง มีทะเลทรายขนาดใหญ่และมีชายฝั่งยาวมาตั้งแต่มหาสมุทรแอตแลนติกจนถึงทะเลเมดิเตอเรเนียน เมืองหลวงของโมร็อกโกคือเมืองราบัต เมืองใหญ่สุดเป็นเมืองท่าชื่อกาซาบล็องกา

สถานที่น่าสนใจ
1. เมืองเชฟชาอูน (Chefchaouen) เมืองที่ถูกย้อมด้วย "สีฟ้า-น้ำเงิน" แห่งโมร็อกโกที่ห้ามพลาด เป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดอยู่ทางตอนเหนือของประเทศโมร็อกโก เมืองนี้เหมาะสำหรับสายถ่ายรูปมาก เพราะไม่ว่าจะถ่ายมุมไหนก็ออกมาสวย ด้วยเสน่ห์ของสี "สีฟ้า-น้ำเงิน" ของเมืองทั้งเมืองที่มีความเชื่อว่าเป็นสีสัญลักษ์ของท้องฟ้าและเทพพระเจ้า

2.เมืองเมอร์ซูก้า (Merzouga) เที่ยวโมร็อกโกทั้งที ต้องมาเช็คอินที่เมืองนี้ เมืองเมอร์ซูก้า (Merzouga) เป็นเมืองขนาดเล็กอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ซึ่งตั้งอยู่ภายในทะเลทรายซาฮาร่า (Sahara Desert) เป็นทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ติดกับเขตแดนของประเทศแอลจีเรีย เป็นเมืองท่องเที่ยวที่โด่งดังในเรื่องการท่องเที่ยวขี่อูฐในทะเลทราย โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะนิยมขี่อูฐไปตามสันทรายสูงๆ เรียงกันสวยงาม เรียกบริเวณนั้นว่า “เอิร์ก เชบบิ” (Erg Chebbi) ชมทิวทัศน์ของทะเลทรายสีส้มแดงแปลกตา ตั้งแคมป์นอนกลางทะเลทราย ถ่ายรูปสวยๆ ของสีส้มเม็ดทรายและตัดกับสีท้องฟ้า ตกดึกก็นอนนับดาวแบบไม่มีอะไรมากั้นกลาง

3. เมืองไอท์ เบน ฮาดดู (Ait Ben Haddou) "เมืองป้อมปราการ" หรือ คซาร์" เป็นอีกเมืองที่ขึ้นชื่อของโมร็อกโก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้ขึ้นป็นมรดกโลก และมีความเป็นมาทางด้านประวัติศาสตร์ โดดเด่นในเรื่องของสถาปัตยกรรมของโมร็อกโก ทางตอนใต้ เคยได้ถูกถ่ายทำภาพยนต์ดังๆ หลายเรื่อง เช่น Gladiator และซีรีส์ชื่อดัง Game of thrones และอยู่ในความดูแลขององค์การยูเนสโก (UNESCO) Ait-Ben-Haddou ตั้งอยู่บนเชิงเขาทางตอนใต้ของเทือกเขาแอตลาสสูง High Atlas ในจังหวัดวาร์ซาเซต(Ouarzazate)เมืองนี้ป็นเมืองที่เชื่อมระหว่างทะเลรายซาฮาร่าและเมืองมาร์ราเกช ตัวป้อมปราการชาวพื้นเมืองจะเรียกว่า ksar ซึ่งที่ ไอห์ เบน ฮาดดู เป็น ksar ที่มีชื่อเสียงที่สุดในหุบเขา Ounila Ksar สิ่งที่ขึ้นชื่อเป็นอย่างมากอีกอย่างของโมร็อกโก นั่นคือ Argan Oil หรือ "Miracle Oil" ซึ่งสกัดมาจากผลอาร์แกน (Argania spinosa) ที่มีปลูกเฉพาะที่ประเทศโมร็อกโกเท่านั้น คนโมร็อกกันนิยมนำมาทานกับพวกขนมปังแทนเนย เเละนำมาเป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางค์ ต่างๆ เพราะมีวิตามิน E สูง เเละกรดไขมันจำเป็นหลายชนิดที่มีประโยชน์ช่วยบำรุงผิวเเละเส้นผม

4. เมืองมาร์ราเกช (Marrakesh) ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีคนมาเที่ยวมากที่สุดของโมร็อกโกเเละมีความเป็นโมร็อกโกมากๆ มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้นักท่องเที่ยวได้ไปเยี่ยมชม ตั้งแต่การเดินสำรวจจัตุรัส ช้อปปิ้งในตลาดพื้นเมือง เดินชิมของอร่อยๆ และชมสถาปัตยกรรมที่สวยงามในสไตล์โมร็อกโก มัสยิด คูตูเบีย (Koutoubia Mosque) เป็นมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองมาร์ราเกช ที่มีความสูง 226 ฟิต (70 เมตร) หากไม่ใช่ชาวมุสลิมจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้านในมัสยิด แต่เราสามารถมองเห็นมัสยิดได้จากไกลๆ

5. เมืองราบัต (Rabat) เมืองหลวงของโมร็อกโก และเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ ตั้งอยู่บนแนวชายฝั่งแถบตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศราบัตมีความสวยงามของทะเล ธรรมชาติ
และวัฒนธรรมของคนที่นี่ มีความเป็นมิตรและน่ารัก เป็นเมืองสีขาวที่สะอาดและสวยงาม อยู่ติดชายฝั่งมหาสมุกรแอตแลนติก สภาพอากาศเที่ยวได้ทั้งปี และมีที่เที่ยวต่างๆ ที่น่าสนใจ ทำให้นักท่องเที่ยวหลงไหลในเสน่ห์เมืองราบัต "ป้อมอูดายา" (Oudayas Kasbah) ป้อมปราการเก่าแก่ เป็นที่ตั้งของชุมชนเมืองเก่าที่สามารถมองเห็นบ้านเรือนก่ออิฐทาสีฟ้าขาวสดใสอยู่ด้านหลังข้อมปราการ เป็นภาพที่สวยงามมาก

6. เมืองเฟส (Fez) เป็นเมืองมรดกโลกและเก่าแก่ที่สุดของประเทศโมร็อกโก ตั้งบนพื้นที่ต่อจากเชิงเทือกเขารีฟ (Rif Mountain) ไม่ไกลจกกรุงราบัต เมืองเฟส (Fez) ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหมื่นตรอกที่ไม่นิยมใช้รถยนต์ในบริเวณชุมชนเก่า และปัจจุบันได้เป็นมรดกโลกในฐานะตลาดโบราณ (Medina) ที่ไม่มีการใช้รถ (car-free area) ที่ยังมีการเปิดให้บริการอยู่ นอกจากนี้เมืองเฟสยังมีความน่าสนใจของวิถีชีวิตคนพื้นเมืองในย่านเมืองเก่า Fes el Bali ที่ยังคงเป็นโรงฟอกหนังโบราณที่ยังคงกรรมวิธีการฟอกหนังแบบเดิมมานับพันปี ซึ่งเครื่องหนังที่ทำกันก็นำมาใช้ในชีวิตประจำวันและแปรรูปมาเป็นสินค้าของคนในท้องถิ่น ถือเป็นอีกเมืองที่มีเสน่ห์ไม่แพ้เมืองอื่นๆ เลย

7. เมืองเมคเนส (Meknes) ตั้งอยู่ตอนเหนือของประเทศโมร็อกโก และอยู่ห่างจากเมืองเฟส (Fes) ประมาณ 60 กิโลเมตรเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ของโรมันโบราณ ที่สื่อให้เห็นว่าโรมันในสมัยก่อนนั้นมีความเจริญรุ่งเรืองมาก เป็นเมืองที่มีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมือง เมคเนสจึงเป็นเมืองศูนย์กลางการผลิตมะกอก ไซน์ และพืชพรรณต่างๆ ซึ่งองค์การยูเนสโก (UNESC0) ได้บรรจุเมืองเมคเนสไว้ในรายชื่อเมืองมรดกโลกเรียบร้อยแล้วหากได้มีโอกาสไปที่เมืองนี้แนะนำให้ไปชม กำแพงโบราณที่สร้างขึ้นล้อมรอบเมืองเก่า โดยมีความยาวประมาณ 40 กิโลเมตร มีประตูเมืองขนาดใหญ่ถึง 7 ประตู และไปชมประตูบับมันซู (Bab Mansour Monumental Gate) ที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุด มีการตกแต่งด้วยโมเสดและกระเบื้องสีเขียวบนผนังสีแสด

8. เมืองเเทนเจียร์ (Tangier) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของ โมร็อกโกทางตอนเหนือของโมร็อกโก บนชายฝั่งของแทนเจียร์ที่ซึ่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและมหาสมุทรแอตแลนติกมาบรรจบกันแทนเจียร์เป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์ซึ่งมีมรดกทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย เดินเล่นไปตามถนนของ « the White » Tangier ซึ่งมีบ้านเรือนเคลือบปูนขาวตั้งเรียงราย เช่นเดียวกับที่ Delacroix หรือ Matisse เคลิบเคลิ้มไปกับบรรยากาศชวนฝันที่ปกคลุมทั่วเมือง